X
อบต.บ้านกลาง
อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกลาง องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกลาง
สถานที่ท่องเที่ยว
ทุ่งแสลงหลวง

ทุ่งแสลงหลวง เป็นอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ อันดับ 3 ของประเทศไทย มีเนื้อที่ถึง 7 แสนกว่าไร่ ทุ่งแสลงหลวง นี้ ครอบคลุมพื้นที่ของ 3 อำเภอ คือ วังทอง นครไทย เนินมะปราง ใน จังหวัดพิษณุโลก และ อำเภอ เขาค้อ วังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่มาของชื่ออุทยานแห่งชาตินั้น สันนิษฐานว่า ตั้งชื่อตามพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่ง เพราะพื้นที่ป่าแห่งนี้จะมีพืชชนิดหนึ่งขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก นั่นคือ ต้นแสลงใจ 

     และด้วยลักษณะของพื้นที่ที่เป็นเนิน มีป่าหลายชนิด และสัตว์ป่าชุกชุม เลยทำให้ป่าทุ่งแสลงหลวงและพื้นที่ป่าอื่นๆ ในจังหวัดต่างๆ ได้รับการก่อตั้ง ให้เป็นอุทยานแห่งชาติขึ้นมา ซึ่งอุทยานนี้ มีสภาพแวดล้อม และธรรมชาติที่สวยงามหลายที่ด้วยกัน เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้สัตว์ป่านานาชนิด ทำให้กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการไปท่องเที่ยว

ภูทับเบิก

  ภูทับเบิก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีระดับความสูงถึง 1,768 จากระดับน้ำทะเลค่ะ ทำให้ที่นี่ค่อนข้างมีอากาศที่เย็นตลอดทั้งปี ถ้าคุณเคยมาที่นี่แล้ว จะรู้ว่าที่นี่เต็มไปด้วยแกงค์ผู้มีอิทธิพลสีเขียว นั่นคือ กะหล่ำปลีลูกกลม ที่รายล้อม ปกครองอาณาเขตภูเขาบริเวณนี้ไว้ต่อเนื่องไปหลายต่อหลายลูก!

   แต่เจ้ากะหล่ำปลีพวกนี้ก็มีจังหวะที่ไม่มาให้เห็นหน้าได้อยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าคุณจะมาเที่ยวบ้านของกะหล่ำปลี จะมาได้ 2 ช่วงค่ะ คือ ช่วงที่ 1 ตั้งแต่ กลางเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม และช่วงที่ 2 เดือนตุลาคม-กลางเดือนธันวาคม ค่ะ

ทะเลหมอก สุดอลัง

       นอกจากช่วงหน้าหนาวที่เราจะได้กอด ทะเลหมอก อย่างจุใจแล้ว ความอะเมซซิ่งของภูทับเบิกก็คือ หน้าฝนนั้นจะมีหมอกตลอดทั้งวัน ในบางวันก็อาจมีเซอร์ไพรส์ได้เจอกับทะเลหมอกที่สวยงามอยู่เหมือนกัน และอากาศข้างบนนี้ค่อนข้างเย็นตลอดวันค่ะ ถ้าใครขึ้นมาเที่ยวที่นี่แนะนำว่าให้พกเสื้อแขนยาวมากันอากาศเย็นสักหน่อยก็น่าจะดี แต่ถ้าเป็นหน้าหนาวแล้วล่ะก็ พกเสื้อกันหนาวตัวหนามาได้เลย


 ดาวบนดิน ภูทับเบิก

        นอกจากทะเลหมอก อากาศสะอาดๆ และกะหล่ำปลีสีเขียวแล้ว ไฮไลท์ของภูทับเบิกนั้นอยู่ที่ ดาวบนดิน ถ้าได้มากางเต็นท์รับลมหนาวตอนกลางคืนแล้วล่ะก็ คุณถึงจะได้พบกับดาวบนดินค่ะ ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 1,447 เมตรนั้น ทำให้ยามค่ำคืนที่แสงไฟจากหมู่บ้านน้อยใหญ่เปล่งประกายอยู่เบื้องล่างนั้นกลายเป็นแสงเล็กๆ เรียงรายไปทั่วเหมือนแสงดาวที่ดาษดื่นบนท้องฟ้า นั่นแหละ “ดาวบนดิน” ค่ะ

 

ลานกางเต็นท์ ภูทับเบิก


     สำหรับที่กางเต็นท์บนจุดชมวิว และบริเวณไร่กะหล่ำปลี ของวิสาหกิจชุมชนหมู่บ้านทับเบิก มีค่าบริการคือ

เต็นท์นอน 4 คน พร้อมเครื่องนอน ราคา 650 ต่อคืน
เต็นท์นอน 2 คน พร้อมเครื่องนอน ราคา 350 ต่อคืน
นำเต็นท์มาเองคิดค่าบำรุงสถานที่ คนละ 40 บาท ต่อคนต่อคืน


     นอกจากนี้ยังมีมุมสวยๆ ในเส้นทางลงจากภูทับเบิกอีกด้วยค่ะ เป็นเส้นทาง ภูทับเบิก-หล่มเก่า จะมีถนนรูปหัวใจแสนมุ้งมิ้งให้ได้ถ่ายภาพกัน

การเดินทางไปภูทับเบิก


     สามารถใช้เส้นทางด้านอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ผ่าน อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เลยที่ทำการ อุทยานฯ มาประมาณ 24 กิโลเมตร จะถึงภูทับเบิก หากขับรถต่อไป จะมาบรรจบกับเส้นทางที่จะลงไปยัง อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์


 

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ มรดกโลก UNESCO

     อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ นั้น ถือได้ว่าเป็นแหล่งอารยธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทยเลยค่ะ เพราะเป็นพื้นที่ที่ปรากฎร่องรอยหลักฐานสำคัญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์แล้ว รวมไปถึงมีร่องรอยเกี่ยวกับวัฒนธรรมทวารวดีและเขมรด้วย ประมาณ 800 ปีก่อนนั่นเองค่ะ

     ทำให้ เมืองโบราณศรีเทพ แห่งนี้ ก็ได้รับเลือกให้เป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 45 ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

 

    โดยเป็น แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทยแห่งที่ 4 ต่อจาก เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร, นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ทำให้ที่นี่เป็น แหล่งมรดกโลกแหล่งที่ 7 ของประเทศไทย

เขาค้อ

        เขาค้อเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นอำเภอที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งเพชรบูรณ์เป็นจังหวัดที่มีทิวเขาล้อมรอบ ตั้งแต่ด้านตะวันตกไปจนถึงแนวเขตด้านเหนือ บางคนอาจยังมีความสับสนอยู่บ้างว่าเขาค้ออยู่ภาคไหน เพราะจริงๆ แล้วเพชรบูรณ์เป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคกลางแต่บ้างก็ว่าตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนล่าง หรือภาคกลางตอนบนของประเทศไทย 

ซึ่งอำเภอเขาค้อ หากดูตามข้อมูลทางภูมิศาสตร์ เขาค้อจะอยู่ภาคเหนือตอนล่าง โดยจะอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 346-349 กิโลเมตร ในส่วนพื้นที่ตอนกลางเป็นที่ราบลุ่มคล้ายอ่างลาดชันจากทิศเหนือลงทิศใต้ และยังมีแม่น้ำป่าสักไหลผ่านตลอดแนวที่ราบ บริเวณใจกลางของจังหวัด

เนื่องจากจังหวัดเพชรบูรณ์มีมรสุมทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะพัดเอามวลอากาศเย็นและแห้งมากจากประเทศจีน เลยทำให้เขาค้อมีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส 

นอกจากนี้ ป่าบริเวณเขาค้อเดิมมีต้นค้อซึ่งเป็นไม้ตระกูลปาล์มขึ้นอยู่จำนวนมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เรียกกันว่า “เขาค้อ” และยังเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้บนเขาค้อเย็นสบาย แม้จะอยู่ในฤดูร้อนก็ตาม และจะเย็นมากในฤดูหนาว แถมยังมีทัศนียภาพที่สวยงามอีกด้วย และยังมียอดเขาสูงหลายแห่งที่น่าสนใจ เช่น พระตำหนักเขาค้อ ยอดเขาผาซ่อนแก้ว เป็นต้น

 

รู้จักเขาค้อ สถานที่อันเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์

เขาค้อเปรียบเสมือนตัวแทนของจังหวัดเพชรบูรณ์เลยก็ว่าได้ เพราะหากพูดถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ คงนึกถึงเขาค้อมาเป็นอันดับแรก ใครๆ ก็อยากมาเที่ยวที่นี่ แล้วทำไมต้องเป็นเขาค้อล่ะ? เรามาดูความเป็นมาของเขาค้อ และจุดเด่นของเขาค้อกัน ทำไมคนส่วนใหญ่ทำไมถึงแนะนำให้มาเขาค้อ

ความเป็นมาของเขาค้อ

เขาค้อเป็นชื่อเรียกรวมของทิวเขาน้อยใหญ่ต่างๆ ของเทือกเขาเพชรบูรณ์ ในเขตอำเภอเขาค้อ ซึ่งเหตุผลที่เรียกว่า “เขาค้อ” เพราะว่าป่าบริเวณนี้ มีต้นค้อที่เป็นไม้ตระกูลปาล์มขึ้นกันอยู่มากมาย เลยทำให้อากาศบนเขาค้อเย็นสบายตลอด แม้อยู่ในฤดูร้อนและเย็นจัดในฤดูหนาว 

ป่าไม้ในแถบนี้เป็นป่าเต็งรังหรือป่าไม้สลัดใบ ป่าสน และป่าดิบ พันธุ์ไม้ตระกูลปาล์มลักษณะจะคล้ายต้นตาล แต่ผลที่ออกมาคล้ายหมาก ถึงแม้ปัจจุบันป่าจะถูกถางออกไปมากแล้ว แต่ยังมีอยู่ให้เห็นบ้าง

นอกจากพื้นที่ป่าอันสวยงาม ยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกด้วย เนื่องจากพื้นที่ตรงนี้ในอดีต เป็นสถานที่ทางราชการ ใช้ในการสู้รบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยจะแพ้พ่ายและสูญหายไปจากประเทศไทย และในสถานที่สำคัญหลายแห่งบนเขาค้อ ยังปรากฎหลักฐานเหล่านี้อยู่เป็นจำนวนมาก

สถานที่ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ในเขาค้อ เช่น อนุเสาวรีย์จีนฮ่อ พิพิธภัณฑ์อาวุธ อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเขาค้อ อย่างพระบรมธาตุเจดีย์และพระตำหนักเขาค้อ

จุดเด่นของเขาค้อ

จุดเด่นของเขาค้อ คือ สถานที่ท่องเที่ยวและจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเที่ยวชมทะเลหมอกในฤดูฝนและฤดูหนาว แถมยังมีอากาศที่เย็นตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เคยผ่านการสู้รบระหว่างรัฐบาลกับคอมมิวนิสต์ในอดีต 

เรียกได้ว่าหากได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวเพชรบูรณ์แล้ว ต้องมาให้ถึงเขาค้อ ห้ามพลาดสถานที่แห่งนี้เลยทีเดียว  เพราะเขาค้อนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดเพชรบูรณ์เลยก็ว่าได้ เป็นการรวมความหลากหลายทางชีวภาพ พันธุ์พืชและสัตว์ป่านานาชนิด จุดชมวิวทิวทัศน์มากมาย ทั้งน้ำตก ถ้ำ เกาะ แก่ง หน้าผา และอื่นๆ ตลอดจนจุดท่องเที่ยวที่เป็นประวัติศาสตร์อีกหลายแห่ง อีกทั้งเขาค้อยังถูกประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 125 ของประเทศไทยอีกด้วย

สถานที่ชมวิวหมอก

เมื่อได้มาเที่ยวเขาค้อแล้ว สิ่งที่ห้ามพลาดสุดๆ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของเขาค้อเลยก็ว่าได้ เพราะเขาค้อนั้นเขาเด่นสุดในเรื่องวิวทิวทัศน์ทะเลหมอกอันงดงาม ส่วนสถานที่สำหรับชมทะเลหมอกนั้นมีหลายแห่ง ในหัวข้อนี้เราเลยมาแนะนำสถานที่ชมหมอกสวยๆ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ดังนี้

  • จุดชมวิวทะเลหมอกอำเภอเขาค้อ

อยู่ตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยเป็นอันดับต้นๆ ของอำเภอเขาค้อเลยก็ว่าได้ มีลักษณะเป็นระเบียงให้ชมทะเลหมอกได้ในมุมกว้าง และตรงจุดนี้มีความชื้นมาจากน้ำจำนวนมากในอ่างเก็บน้ำรัตนัย ทำให้มีโอกาสเกิดหมอกได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ที่จอดรถ ร้านค้า

  • จุดชมวิวไปรษณีย์เขาค้อ


ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ริมเส้นทางสาย 2196 สามารถเห็นทะเลหมอกได้แบบ 180 องศา และยังมีจุดให้กางเต็นท์หลายจุด เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาพักแรม และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ร้านสะดวกซื้อ ห้องอาบน้ำ และบริเวณใกล้ๆ ยังมีไร่สตรอเบอร์รี่ให้เดินเล่น ชิมสตรอเบอร์รี่ได้อีกด้วย

  • จุดชมวิววัดกองเนียม


ตั้งอยู่ใกล้กับหอสมุดนานาชาติ ติดกับทางขึ้นไปอนุสรณ์สถานเขาค้อ เป็นจุดที่สามารถมองเห็นหมอกในทางทิศตะวันออก ไปพร้อมกับพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ซึ่งลักษณะทะเลหมอกนั้นจะสวยงามมาก เพราะเป็นทะเลหมอกท่ามกลางทิวเขาต่างๆ สลับซับซ้อนกัน และมีต้นค้อขนาดใหญ่เป็นฉากหน้าอีกด้วย

  • จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ


อยู่ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ โดยทุกคนจะสามารถเห็นทะเลหมอกได้แบบรอบทิศทางแบบ 360 องศา ไปพร้อมๆ กันกับพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ขึ้นมาในยามเช้า และนอกจากนี้ยังสามารถเห็นวิวทิวเขาที่สวยงามตั้งอยู่ตรงหน้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น เขาปู่ เขาย่า

สรุป

เขาค้อเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ อำเภอเขาค้อ หากดูทางภูมิศาสตร์ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนล่าง ในบริเวณเขาค้อเดิมมีต้นค้อซึ่งเป็นไม้ตระกูลปาล์มขึ้นอยู่จำนวนมาก ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เรียกกันว่า “เขาค้อ” และยังเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้บนเขาค้อเย็นสบาย แม้จะอยู่ในฤดูร้อนและอากาศจะเย็นจัดในฤดูหนาว

แถมยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ อีกทั้งยังมีสถานที่ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ อย่างอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อหรือพิพิธภัณฑ์อาวุธ อีกอย่างที่ขาดไม่ได้และเป็นจุดเด่นของเขาค้อ คือจุดชมวิวทะเลหมอก เช่น จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ ที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกสวยๆ ได้แบบจุใจ

นอกจากนี้เขาค้อยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวเสมอมา ทำให้มีทั้งคาเฟ่ จุดชมวิว กิจกรรมต่างๆ ให้เลือกทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจุดกางเต็นท์ ตั้งแคมป์ เรียกได้ว่ามาเพชรบูรณ์ทั้งที หากไม่แวะเขาค้อคงน่าเสียดายมากเลยทีเดียวเชียว

ภูลมโล

ภูลมโล จังหวัดเลย ดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง เปลี่ยนภูเขากลายเป็นสีชมพู

ภูลมโล เป็นยอดเขาและจุดเดินเขาที่ขึ้นชื่อจากดอกนางพญาเสือโคร่งมากมาย ซึ่งเบ่งบานทุกปี ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย สูงจากระดับน้ำทะเล 1,664 เมตร

ดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่ภูลมโล จะบานในช่วงฤดูหนาว ประมาณปลายเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ในช่วงนี้นักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลมาชมความงามของทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูที่บานสะพรั่งเต็มพื้นที่ ตัดกับทิวทัศน์ของภูเขาและป่าไม้เขียวขจี ทำให้เกิดความสวยงามราวกับภาพวาด เรียกได้ว่า เปลี่ยนสีภูเขาทั้งลูกให้กลายเป็นสีชมพูสดใสเลยทีเดียว สำหรับการเบ่งบานของดอกนางพญาเสือโคร่งภูลมโล แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดเลย

โดยคาดว่าดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานต่อไปอีกประมาณ 2 อาทิตย์เท่านั้น ใครอยากจะไปชมต้องรีบหน่อย สวยงามไม่แพ้ญี่ปุ่นแน่นอน

นอกจากชมดอกนางพญาเสือโคร่งแล้ว ภูลมโล ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่หลากหลาย นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมความงามของธรรมชาติและสัมผัสอากาศหนาวเย็นได้อีกด้วย

ภูลมโล ตั้งอยู่ที่ไหน?


ภูลมโล ตั้งอยู่ที่ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ภายในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่เป็นจุดต่อระหว่าง 3 จังหวัด พิษณุโลก, เพชรบูรณ์ และเลย สูง 1,664 เมตร จากระดับน้ำทะเล สถานที่นี้เป็นที่นิยมเดินทางในช่วงหน้าหนาวเนื่องจากมีต้นนางพญาเสือโคร่งกว่า 1 หมื่นต้น บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่

ที่เที่ยว ภูลมโลมีที่ไหนบ้าง?


นักท่องเที่ยวที่ภูลมโล ไม่เพียงแต่จะชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ยังสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์เทือกเขาสูงที่มองเห็นถึง 3 จังหวัด ด้านยอดภูลมโล มีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ส่วนทิวทัศน์แนวยอดและเทือกเขาเป็นฉากหลังที่สวยงามและยังมีแปลงพืชผักเมืองหนาว เช่น พลับ, ท้อ, กะหล่ำปลี, แครอต, บรอกโคลี และสตรอว์เบอร์รี และมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น
- ภูพระใหญ่: พระพุทธรูปสีขาวบนเนินเขา
อนุสรณ์สถานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง: จุดยุทธศาสตร์สู้รบกับพคท.
- วัดป่าเย็นศรีระประทีป และวัดป่าสายหลวงปู่มั่น: โดดเด่นด้วยพระมหาเจดีย์สีทอง
- น้ำตกหมันแดง: น้ำตก 9 ชั้น และมีลานรอยเท้าไดโนเสาร์เป็นไฮไลต์.
การเดินทางไป ภูลมโล จังหวัดเลย สามารถเดินทางได้ 3 เส้นทาง ดังนี้
เส้นทางจากทางฝั่งบ้านร่องกล้า จ.พิษณุโลก ใช้เส้นทางหมายเลข 2013 มุ่งหน้าอำเภอนครไทย ก่อนถึงอำเภอนครไทย ให้เลี้ยวขวาไป 

 - อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร
เส้นทางจากทางฝั่งบ้านกกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย จากจังหวัดเลยผ่านอำเภอด่านซ้าย ไปตามทางหลวงหมายเลข 11 จนถึงบ้านกกสะทอน จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามเส้นทางหมายเลข 3050 ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร เส้นทางจากทางฝั่งบ้านทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ใช้เส้นทางหมายเลข 21 มุ่งหน้าอำเภอหล่มสัก จนถึงบ้านทับเบิก จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหมายเลข 2013 จนถึงบ้านร่องกล้า จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามเส้นทางหมายเลข 3050 ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร

ภูแผงม้า

เป็นจุดชมวิว พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และช่วงที่มีฝนตกหรือฤดูหนาวจุดนี้เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งในเขตอำเภอหล่มเก่า ส่วนช่วงกลางวัน คุณอาจจะได้เห็นภาพเมฆ หมอกที่วิ่งผ่านไปผ่านมา ที่นี่เมื่อใครที่ขึ้นมาแล้วต้องใช้เวลาอยู่นาน ในการซึมซับบรรยากาศของสายหมอก ที่ลอยผ่านเข้ามาปะทะร่างกาย
อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,775 เมตร จะมองเห็นหมู่บ้านน้ำเพียงดิน มองเห็นจุดชมวิวภูทับเบิก มองเห็นพื้นที่อำเภอหล่มเก่า มองเห็นเส้นทางคดเคี้ยววิวแสนสวยของถนนที่เป็นเส้นทางรถยนต์
จุดชมวิวแห่งนี้เหมาะที่จะเป็นจุดชมวิว พระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก สวยงามทั้งสองบรรยากาศ ณ จุดนี้ ให้เราเห็นแสงเปลี่ยนไปมา หลากอารมณ์มากครับ กับการได่มายืนชมวิวที่ภูแผงม้า
ระยะทางจากถนนขึ้นเขามายังจุดชมวิวจะเพียง 300 เมตร ปัจจุบันสามารถนำรถเข้าไปจอดใกล้จุดชมวิวได้
การเดินทาง

เมื่อขับรถตามทางหลวงหมายเลข 2331 (สี่แยกน้ำชุน-สามแยกภูทับเบิก) ถึงหลักกิโลเมตรที่ xxx จะเห็นป้ายทางเข้าจุดชมวิวภูแผงม้า ห่างจากสามแยกภูทับเบิกประมาณ 300 เมตร เดินทางไปตามทางแยกระยะทางประมาณ 200 เมตร
กิจกรรม

ถ่ายภาพมุมสวยงามต่าง ๆ ชมวิวเหนือหมู่บ้านน้ำเพียงดิน ทิวเขาสวย เส้นทางโคดเคี้ยวขึ้นเขา
นอนกางเต็นท์พักแรมค้างคืน
สิ่งอำนวยความสะดวก

มีห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยว
ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว จะมีร้านค้าจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม
ค่าบริการ

ผ่านด่านตรวจของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล่า เสียค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท